วันอาทิตย์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

น่าจะรู้อย่างนี้ตั้งแต่ตอนอายุ 20

น่าจะรู้อย่างนี้ตั้งแต่ตอนอายุ 20 – What I Wish I Knew When I Was 20






         ผู้เขียน Tina Seelig เป็นอาจารย์สอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด หนังสือเล่มนี้เลยถ่ายทอดประสบการณ์ในบทเรียนที่เธอใช้สอนลูกศิษย์ เช่นบทเรียนที่เธอสอน กิจกรรมที่ให้นักศึกษาจับกลุ่มทำ และยังมีเรื่องราวจากประสบการณ์ของเธอเองไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวต่างๆที่ได้เจอมาในชีวิตของเธอเอง คนรอบตัว เนื้อหาแบ่งออกเป็นสิบบทที่แต่ละบทก็จะเน้นการพัฒนาตนเองในด้านความคิดและการตัดสินใจเกี่ยวกับเหตุการณ์ต่างๆ ถ่ายทอดออกมาผ่านเรื่องราวจากประสบการณ์ของทั้งตัวผู้เขียนเองและบุคคลรอบข้างที่ผู้เขียนได้เจอมา

        เป็นคนที่ชอบอ่านเรื่องราวประสบการณ์นะ เพราะมันเป็นอะไรที่คนเล่ามักจะคัดเลือกเรื่องราวดีๆออกมาแล้วก่อนที่จะเล่า ซึ่งจะทำเราให้ได้เรียนรู้วิธีคิดและการตัดสินใจของเค้าในสถานการณ์นั้นๆ
ถึงแม้จะเป็นหนังสือที่ดีแต่รู้สึกอ่านแล้วเบื่อๆแฮะ55555555



   **************อย่าลืมหาหนังสือน่าสนมาอ่านกันนะคะ*******************

ขโมยให้ได้อย่างศิลปิน – Steal Like an Artist

ขโมยให้ได้อย่างศิลปิน – Steal Like an Artist





ไม่ว่าเราจะทำอะไรก็ดูเหมือนจะซ้ำคนอื่นๆไปซะหมดการสร้างสรรค์อะไรขึ้นมาใหม่จึงดูเป็นเรื่องยาก นั่งก็เป็นเพราะว่าผลงานอะไรก็ตามที่ดูเปี่ยมไปด้วยความสร้างสรรค์ล้วนได้รับแรงบัลดาลใจมาจากสิ่งที่เคยมีมาก่อนแล้ว ไม่มีอะไรแปลกใหม่อย่างแท้จริง แต่การขโมยมันต้องมีศิลปะ ถ้าลอกมาทั้งหมดก็คงไม่ใช่ผลงานที่ดี นี่คือแนวคิดของหนังสือที่มีชื่อว่า”ขโมยให้ได้อย่างศิลปิน”
     การขโมยให้ได้อย่างศิลปินก็คือการค้นหาว่ามีอะไรที่น่าเลียนแบบบ้าง อะไรบ้างที่คุ้มค่าต่อการขโมย แล้วนำเอามันมารวมเข้ากับความคิดของเราเข้าเพื่อประกอบมันขึ้นมาใหม่ นักดนตรีฝึกเล่นเพลงด้วยเพลงของนักร้องดังๆ จิตรกรเก่งๆก็ฝึกวาดภาพเลียนแบบผลงานชิ้นเอกของโลก แม้แต่วงเดอะบีตเทิลส์ก็ยังเคยเล่นเพลงของคนอื่นมาก่อน
       เป็นหนังสือแนวพัฒนาตนเองอีกเล่มหนึ่งที่นำเสนอแนวความคิดที่น่าสนใจพอสมควร การเลียนแบบในสิ่งที่ตัวเองชอบและนำมาปรับปรุงใหม่ถือว่าเป็นเรื่องนิยมในปัจจุบัน คิดว่าหนังสือนำเสนอเนื้อหาด้วยคำแบบง่ายๆเป็นบทสั้นๆคล้ายแบบเป็นตอนๆกระชับ 

        *************อย่าลืมหาหนังสือน่าสนอ่านกันนะคะ***************

33 ความคิดพลิกชีวิตสู่ความสำเร็จ

33 ความคิดพลิกชีวิตสู่ความสำเร็จ 




                                   หนังสือ 33 ความคิดพลิกสู่ความสำเร็จ” เป็นหนึ่งในสามเล่มของ “ชุดสู่ความสำเร็จ”]

 เขียนโดยสามนักเขียนของเอเชีย (จีน, ไต้หวัน, ญี่ปุ่น) การันตีด้วยยอดขายกว่า 1,000,000 เล่ม จากทั่วโลก
โดยเนื้อหาในเล่มเน้นให้เริ่มต้นจากการคิดบวก โดย 33 วิธีคิดเพื่อนำไปสู่ความสำเร็จ เป็นการปรับเปลี่ยนทัศนคติที่ดีให้แก่ตนเอง ยอมรับในสิ่งใหม่ๆ เพราะหากมีทัศนคติเชิงบวกแล้ว ก็จะทำให้เรารู้จักคิด พูด และแสดงพฤติกรรมออกมาในเชิงบวก เป็นที่รักของผู้คนรอบข้าง
หากเราคิดบวกเมื่อไรก็จะเป็นการส่งพลังด้านดีไปสู่ทุกๆ สิ่ง ไม่ว่าจะเป็นองค์กร ครอบครัว เพื่อนๆ ตลอดจนผู้คนรอบข้าง เมื่อเรามีทัศนคติที่ดีต่อเรื่องงานตั้งแต่เริ่มทำแล้ว…ความสำเร็จก็อยู่ใกล้แค่เอื้อม 

ผู้เขียน : ซูเหม่ยจิ้ง, ริวงาวะ มิกะ, จางจวิน





****************************************อย่าลืมหาหนังสือน่าสนอ่านกันนะคะ******************************************



วันเสาร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ตัวเราไม่ธรรมดา

ตัวเราไม่ธรรมดาาาาาา



หนังสือเล่มนี้พระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ เขียน มียอดไลค์ใน FBถึง5.1ล้านคน
เพราะฉะนั้นหนังสือเล่มนี้ให้อะไรเราหลายอย่าง อ่านแล้วรู้สึกว่าตัวเราก็ไม่ธรรมดานะ เป็นหนังสือที่บอกว่าการทำอะไรต่างๆเราสามารถทำให้มันไม่ธรรมดาได้ ทำให้มันพิเศษได้นะถึงมันจะเป็นเรื่องเล็กๆ เช่นการอ่าน.....ใช่ว่าจะธรรมดา  จินตนาการ..ใครว่าธรรมดา   การกระทำ....ไม่ธรรมดา อันนี้จะเป็นหัวข้อหลักในหนังสือ 



อันนี้คือหัวข้อนึงที่อ่านแล้วรู้สึกชอบ
แก้ไขตนเองอย่างไรดีถ้าเป็นคนชอบหนีปัญหา?  อันนี้มันอาจจะนิสัยตัวเราหรืออาจจะเป็นคนข้างๆเราก็ได้แต่ส่วนตัวถ้าปัญหามันไม่มีทางออกที่ดีก็หนีบ้าง แต่จะเป็นคนไม่ค่อยหนีปัญหาอยู่แล้ว  อย่างที่ในหนังสือบอกเลย เมื่อเกิดปัญหาอันดับแรกตั้งสติ ไตรตรอง หาทางออก บ้างคนอาจจะบอกว่ามันไม่ง่าย ใช่มันไม่ง่ายแล้วมันจะเรียกว่าปัญหาหรอ  ถือว่าเป็นหัวข้อนึงที่น่าสนใจ


คุณคือคนพิเศษ คุณอาจจะปฏิเสธว่า " เป็นฉันก็ธรรมดา ไม่เห็นจะวิเศษตรงไหน"




***********************อย่าลืมหาหนังสือน่าสนอ่านกันนะคะ************************

ทำน้อยให้ได้มาก

ความลับที่คนงานยุ่งตลอดเวลาไม่เคยรู้ 

ทำน้อยให้ได้มากกกกกกกกกก

เพราะการทำมากไม่ได้หมายถึงผลลัพธ์ที่เพิ่มขึ้นเสมอไป


ไม่เคยมียุคไหนที่เราสามารถทำสิ่งต่างๆมากมายให้เสร็จได้เร็ว เท่าปัจจุบัน แต่ก็ไม่เคยมียุคไหนเช่นกันที่เราต้องจัดการกับเรื่องที่ประดังประเดเข้ามามากมาย 
หนังสือเล่มนนี้จะบอกถึงความเรียบง่ายในการใช้ชีวิตในการทำงานของเรามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น
การบิหารเวลาที่เรียบง่าย
อีเมล์ที่เรียบง่าย
ภาระหน้าที่ที่เรียบงาน 
สะสางพื้นที่ทำงาน
กิจวัตรประจำวันที่เรียบง่าย
ล้วนแต่บอกการใชีชีวิตให้เราทำอะไรให้ง่ายขึ้นให้เรียบง่ายขึ้น




ชอบหนังสือเล่มนี้ที่บอก เคยสงสัยไหมว่าทั้งที่คนเราก็มีเวลาเท่าๆกัน ........... หนังสือเล่มนี้มีคำตอบ



     *******************อย่าลืมหาหนังสือน่าสนๆมาอ่านกันนะคะ****************